สงสัยไหม? ทำไมการดูหนังต้องมาพร้อมกับป๊อปคอร์น

ไม่ว่าจะเป็นการรับชมภาพยนตร์จากมุมไหนของโลก เคยสงสัยไหม? ทำไมขนมขบเคี้ยวประจำโรงภาพยนตร์จะต้องเป็น “ป๊อปคอร์น” และ “น้ำอัดลม” อยู่เสมอ หากใครกำลังสงสัยเช่นเดียวกันนี้ ลองมาทำความเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลัง พร้อมย้อนดูประวัติศาสตร์ฉบับย่อของการเดินทางของข้าวโพดคั่วและน้ำอัดลมเย็นซ่าจนมาถึงโรงภาพยนตร์ในทุกวันนี้กัน!

ย้อนกลับไปที่สหรัฐอเมริกากันก่อน!

แม้จะมีให้พบเห็นได้ทั่วทุกมุมโลก แต่รู้หรือไม่? วัฒนธรรมการกินป๊อปคอร์นในโรงหนังนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1929 ซึ่งเป็นยุคของการเริ่มต้นของวิกฤตเศรษฐกิจอย่าง The Great Depression นั่นเอง

ซึ่งในยุคดังกล่าวนี้ ข้าวโพดนั้นถือเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้เข้ามาดูแลจัดการ ทำให้เจ้าของธุรกิจที่ล้มหายตายจาก รวมถึงเกษตรกรพืชพรรณอื่น ๆ ได้เริ่มหันมาปลูกพืชจำพวกแป้งอย่าง “ข้าวโพด” กันมากยิ่งขึ้น

และเมื่อข้าวโพดเริ่มล้นตลาดก็ได้เกิดไอเดียในการแปรรูปข้าวโพดไปเป็นอาหารอื่น ๆ มากมาย ซึ่งป๊อปคอร์นเองก็เป็นหนึ่งในขนมขบเคี้ยวที่เกิดขึ้นในยุคนี้เช่นกัน

แล้วป๊อปคอร์นเข้าไปอยู่ในโรงหนังได้อย่างไร?

โรงภาพยนตร์นั้นเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งในสมัยก่อนจะถือว่าเป็นที่ของชนชั้นสูงที่เต็มไปด้วยความหรูหรา มีการปูพรม รวมถึงของตกแต่งมากมาย ทำให้โรงภาพยนตร์สมัยก่อนห้ามนำเข้ามอาหารเข้ามารับประทานโดยเด็ดขาด จนกระทั่งถึงปี 1930 ก็ได้เริ่มนำป๊อปคอร์นเข้ามาจำหน่าย เนื่องจากทนกระแสของผู้ชมไม่ไหว

และในช่วงสภาวะที่ข้าวโพดเริ่มล้นตลาด ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้คนมาดูหนังน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่จึงหันมาขายป๊อปคอร์นคั่วเกลือ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ที่สามารถดูแลโรงภาพยนตร์ต่อไปได้ จนในที่สุดในปี 1945 ทุกโรงภาพยนตร์ก็มีป๊อปคอร์นวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายแล้ว

แม้ว่าจะมีจุดเริ่มต้นจากการคั่วเกลือธรรมดา แต่หลังจบวิกฤตเศรษฐกิจและสงครามลง ก็เริ่มมีการใช้น้ำตาลเข้ามาเพิ่มรสชาติให้กับป๊อปคอร์นมากยิ่งขึ้น และได้พัฒนาจนกลายมาเป็นป๊อปคอร์นที่ได้เห็นกันอย่างแพร่หลายจนทุกวันนี้นั่นเอง

«
»

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *